ทพ. อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส. ) กล่าวว่า ตามกฎหมายกำหนดให้โรคโควิด 19 เป็นการเจ็บป่วยฉุกเฉิน สถานพยาบาลต้องให้การรักษา ปฏิเสธไม่ได้ หากเกินศักยภาพต้องดูแลประสานส่งต่อ หากฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุก2ปี ปรับไม่เกิน4หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังห้ามเรียกเก็บเงินค่ารักษาด้วย จากนี้จะมีการกำชับสถานพยาบาลเรื่องนี้มากขึ้น. แนะหญิงตั้งครรภ์ WFH 100% นพ. โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่ากรมอนามัยได้จัดแนวทางการทำงานของหญิงตั้งครรภ์ เสนอต่อที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (ศปก. สธ. ) พิจารณาออกข้อบังคับให้ หญิงตั้งครรภ์ทำงานที่บ้าน (work from home) 100% จากเดิมที่เป็นเพียงมาตรการขอความร่วมมือเท่านั้น นอกจากนี้ ยังเสนอให้ทำงานที่บ้านต่อกระทรวงแรงงานและกระทรวงอุตสาหกรรมซึ่งก็รับเรื่องแล้วแต่ว่าจะมีการกำหนดให้มีการปฏิบัติจริงได้อย่างไร ยื่น 4 ข้อเรียกร้องรัฐดูแล นางสาวจรีย์ ศรีสวัสดิ์ หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมภาคีเครือข่าย มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า ข้อเสนอต่อสธ. ดังนี้ 1. ขอให้กำกับดูแลรพ. ที่รับฝากครรภ์ ไม่ควรปฏิเสธการทำคลอด-รักษาหญิงตั้งครรภ์ที่ติดโควิด-19หากเกินศักยภาพที่รพ.
ช่วงโควิด-19 นอกจากกลุ่มผู้สุงอายุ 60 ปีขึ้นไป และ 7 โรคเรื้อรังแล้ว 'หญิงตั้งครรภ์' นับเป็นอีกหนึ่งกลุ่มเสี่ยงที่พบการติดเชื้อ และเสียชีวิต ดังนั้น การเร่งฉีดวัคซีนให้แก่หญิงตั้งครรภ์ รวมถึงสนับสนุนให้ทำงานที่บ้าน จึงถือเป็นอีกวิธีลดการติดเชื้อ ข้อมูลของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข(สธ. ) ระหว่างวันที่ 1 เม. ย. -18 ส. ค. 2564 มี "หญิงตั้งครรภ์" ติดเชื้อ " โควิด-19 " ถึง 2, 327 คน หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 50-60 รายต่อวัน อายุ 35 ปี ขึ้นไปติดเชื้อมากสุด โดยมารดาเสียชีวิต 53 ราย และทารกเสียชีวิต 23 ราย ทำคลอดไปแล้ว 1, 129 ราย ส่วนใหญ่ผ่าตัดคลอดและคลอดก่อนกำหนดเกือบ 18% เทียบกับการคลอดก่อนกำหนดในสถานการณ์ปกติของไทยอยู่ที่ 1% ทั้งนี้ข้อมูล วันที่ 13ส. ที่ผ่านมาพบว่า ปัจจัยการเสียชีวิตของ "หญิงตั้งครรภ์ติดโควิด" กว่า70% เป็นข้อจำกัดภายในระบบบริการ 21% เป็นปัญหาการเข้าถึงบริการ และ 9% เป็นปัญหาจากหญิงตั้งครรภ์เอง "พญ. ชัญวลี ศรีสุโข" สูตินรีแพทย์ รพ. พิจิตร กล่าวว่า ขณะนี้อัตราการเสียชีวิตของหญิงตั้งครรภ์ที่ติดโควิดประมาณ 2.