หรือคำถามเกี่ยวกับการใช้สิทธิตาม พ. ได้ที่ ซึ่งจะมีข้อมูลดังกล่าวแสดงอยู่บนหน้าเว็ปไซต์หรือสามารถติดต่อสอบถามได้ที่บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด Call Center 1791 ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่พลาดข่าวสำคัญ เจาะลึกทุกประเด็น เพิ่มเราเป็นเพื่อนทาง @prachachat
สธ. ย้ำปกปิดข้อมูลจำเป็นต่อการสอบสวนโรค โทษปรับ 2 หมื่น ขณะที่หลังประกาศ โควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย ทำผิดกฎหมายมาตราอื่นๆ โทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 ในการแถลงข่าว สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19(COVID-19) ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีมีการปกปิดประวัติที่จำเป็นในการสอบสวนโรคจะมีความผิดอย่างไร นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค(คร. ) กล่าวว่า หากประกาศโรคโควิด-19เป็นโรคติดต่ออันตรายมีผลบังคับใช้ จะดำเนินการตามพรบ. โรคติดต่อ พ. ศ. 2558 ซึ่งจะมีการกำหนดว่าประชาชน ผู้รับผิดชอบในสถานพยาบาล หรือผู้ควบคุมสถานประกอบการหรือสถานที่อื่นใด เช่น โรงแรม จะต้องรายงานแจ้งต่อเจ้าหน้าที่เมื่อมีผู้ต้องสงสัยหรือผู้ป่วยที่เป็นโรคติดต่ออันตราย โดยจะต้องให้ข้อมูลเป็นจริง หากไม่แจ้งจะมีโทษปรับ 2 หมื่นบาท ทั้งนี้ การแจ้งข้อมูลตามความจริง จะทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ตรงกับอาการป่วย และสร้างความปลอดภัย ป้องกันบุคคลอื่นไม่ให้ติดโรค ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว. )
2558 คือ 1. แยกกัก ซึ่งจะเป็นผู้ป่วยที่มีเชื้อแล้วจะต้องนำเข้าแยกกักในห้องแยกโรคความดันเป็นลบ 2. กักกัน เป็นคนที่ยังไม่ป่วยแต่มีโอกาสได้รับเชื้อ จึงจำเป็นต้องให้คนดังกล่าว กักกันอยู่ในพื้นที่เฉพาะ ซึ่งอาจจะเป็นที่บ้านของคนผู้นั้นเองก็ได้ เป็นเวลาครบ 14 วัน ซึ่งจากการดำเนินการเช่นนี้ในกลุ่มผู้สัมผัสผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่ผ่านมา มีเพียง 2% ที่เป็นเสี่ยงสูงแพร่เชื้อ และอีก 98% เป็นคนปกติ แต่ที่ต้องมีความดำเนินการเพื่อความปลอดภัย และ 3. คุมไว้สังเกตอาการ ซึ่งเป็นผู้สัมผัสที่ไม่ใกล้ชิดผู้ป่วย แต่จะต้องคุมไว้สังเกตอาการจนครบ 14 วัน โดยให้อยู่ที่บ้าน แต่จะต้องมีการติดตามอาการทุกวัน วัดไข้ และเมื่อป่วยให้ไปพบแพทย์ เช่น กรณีปู่ย่าหลาน คนในไฟลท์บิน คนที่จัดเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงคือคนที่นั่ง2 แถวหน้า-หลังของผู้ป่วย ส่วนคนร่วมไฟลท์คนอื่น ถือเป็นเสี่ยงต่ำ แต่ต้องคุมไว้สังเกตอาการ อ่านข่าว - ไทยเสี่ยง 'ไวรัสโคโรน่า' (โควิด-19) ระบาดเพิ่มขึ้น
'พวกหัวใส'ฉวยขึ้นราคา-กักตุนสินค้าหนักสุดคุก 7 ปี # กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่
ฉุกเฉินฯ) แต่กรณีที่เป็นข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วโลกหนีไม่พ้น 158 กลุ่มคนไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เป็นต้น แลนดิ้งลงสุวรรณภูมิ แต่กลับเข้าประเทศโดยไม่กักตัวตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุข และไม่ปฏิบัติตาม พ. โรคติดต่อ พ. 2558 ภายใต้ พ. ฉุกเฉินฯ ส่งผลให้รัฐบาลต้องมีคำสั่งเรียกกลุ่มคนไทยดังกล่าวมารายงานตัวโดยด่วน โดยมีรายงานว่ามารายงานตัวครบทุกรายแล้ว นอกจากนี้ กองทัพบกยังสั่งเด้ง พล. ต. โกศล ชูใจ และนายทหารในชุดควบคุมที่สนามบินสุวรรณภูมิกลับมาจากการปฏิบัติหน้าที่ทัน และถูกตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงโดยด่วน หลังถูกกล่าวหาว่าปล่อยให้กลุ่มคนไทยดังกล่าวกลับเข้าประเทศไม่กักตัว โดยข้อเท็จจริงในบทสนทนาจากคลิปวีดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวพบว่า ผู้โดยสารทั้ง 158 รายไม่ได้หลบหนี แต่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวกลับบ้านเอง (อ่านประกอบ: แกะรอยคลิปเสียงนายทหาร 'ผู้ใหญ่'คนไหน? สั่งปล่อย158ผู้โดยสารกลับบ้าน, กห. ตั้ง กก. สอบ 'พล. โกศล'ปมปล่อย 152 ผู้โดยสารออกจากสุวรรณภูมิไม่กักตัว) นี่ยังไม่นับอีกหลายกรณีที่มีบุคคลกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง แต่ไม่ยอมกักตัวอยู่บ้าน ยังนัดกลุ่มเพื่อนสังสรรค์ จนถูกตำรวจจับกุม ส่งอัยการฟ้องศาลไปแล้ว โดยอัยการขอให้ลงโทษสถานหนักด้วย เนื่องจากไม่รับผิดชอบต่อสังคม (อ่านประกอบ: ไม่รับผิดชอบต่อสังคม!
2558 และมีผลใช้บังคับไปแล้วตั้งแต่ 6 มี. ค. 2559 เมื่อเนื้อหาสำคัญใน " มาตรา 31" ในพรบ.
การเมือง 08 เม. ย. 2564 เวลา 11:00 น. 7. 7k ทุกฝ่ายต้องอยู่ใน "มาตรฐานเดียวกัน" ต่อการเปิดเผย "ไทม์ไลน์" เพื่อตัดวงจร "โควิด" แพร่ระบาดให้มากที่สุด กลับมาอยู่ในสถานการณ์เฝ้าระวังสุดขีด สำหรับการระบาดของไวรัส " โควิด -19" ระลอกล่าสุด จากคลัสเตอร์ที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ จนทำให้คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร มีมติให้ ปิดสถานบันเทิง ใน 3 เขต ประกอบด้วย เขตคลองเตย เขตวัฒนา และเขตบางแค ระหว่างวันที่ 6-19 เม. นี้ แต่ขณะนี้ยังมีผู้ติดเชื้อบางรายไม่เปิดเผย " ไทม์ไลน์ " การเดินทางก่อนหน้านี้ทั้งหมด โดยเฉพาะเคส สำนักงานสาธารณสุข จ. นนทบุรี เตรียมบังคับใช้พระราชบัญญัติ ( พรบ. ) โรคติดต่อ พ. ศ. 2558 ดำเนินคดี 2 ผู้ป่วยโควิด ที่ปกปิดไม่ยอมให้ข้อมูล โดยรายแรกเป็นชายไทย อายุ 52 ปี ที่อยู่ ต. อ้อมเกร็ด อ. ปากเกร็ด จ. นนทบุรี ทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ส่วนอีกรายเป็นชายไทย อายุ 57 ปี ที่อยู่ ต. ปลายบาง อ. บางกรวย จ. นนทบุรี รับราชการสำนักงานแห่งหนึ่ง สำหรับการ " จงใจ " ปกปิดประวัติการเดินทางที่จำเป็นในการสอบสวนโรค " โควิด -19" ย่อมเข้าข่ายความผิดใน พรบ. โรคติดต่อ 2558 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 8 ก.